EN TH
ข่าวและกิจกรรมของ REIT

เตรียมเคาะ-จองซื้อ ‘ต้นก.ค.’ นี้...ลุ้นเทรดภายใน ‘ส.ค.63’!!!

30 มิถุนายน 2563


ด้วยแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ "ไทยแลนด์ 4.0" รัฐบาลได้ออกนโยบายอย่าง 'เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)' ที่จะยกระดับและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก

โดยมีเป้าหมายหลักที่จะ 'ส่งเสริมการลงทุน' ซึ่งจะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทำให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตได้ในระยะยาว

ในระยะแรกจะเป็นการยกระดับพื้นที่ในเขต 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ให้เป็นพื้นที่ 'เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก' เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไปจนถึงการต่อยอดโครงการต่างๆ ซึ่งมีผู้ประกอบการไม่น้อยเข้าประมูลงานโครงการอย่าง 'สนามบินอู่ตะเภา' และ 'เมืองการบินภาคตะวันออก' เมื่อเร็วๆ นี้

การพัฒนาโครงการต่างๆ ได้ส่งผลให้ราคาที่ดินใกล้เคียงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังถือเป็นหัวใจสำคัญของ 'เครือข่ายโลจิสติกส์' ด้วยเช่นกันจึงถือได้ว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นน่าสนใจและน่าจับจองไม่น้อย ไม่ว่าจะแง่ของตลาดอุตสาหกรรมหรือตลาดทุน

ในวันนี้ทาง 'Wealthy Thai' จึงได้นำข้อมูลของ "บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด" ในเครือ 'บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน)' หรือ 'MK' ที่เตรียมจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาเสนอให้แก่นักลงทุนหรือบุคคทั่วไปที่สนใจจะลงทุนในกองรีทกัน


ฉายภาพ "โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน"...บนพื้นที่กว่า 1 พันไร่

โดย "รัชนี มหัตเดชกุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลว่า บริษัทได้พัฒนา "โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน" ตั้งอยู่ในบริเวณถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 23 บนเนื้อที่เกือบ 1,000 ไร่ ภายในเขตประกอบการอุตสาหกรรม ประกอบด้วยอาคารคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า มีทั้งอาคารคลังสินค้าสำเร็จรูป อาคารโรงงานสำเร็จรูป อาคารโรงงานสำเร็จรูปขนาดเล็ก และอาคาร Built-to-Suit ที่สร้างตามความต้องการของลูกค้า แบ่งเป็นพื้นที่เขตประกอบการทั่วไป (General Zone) และเขตปลอดอากร (Free Zone)

(รัชนี มหัตเดชกุล)

"สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมคลังสินค้าและโรงงานในประเทศไทยคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตด้านซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมต่างๆ จากจีนมาในภูมิภาคอาเซียน หลังจากไทยได้แสดงศักยภาพรับมือกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก"

นอกจาก 'PROSPECT' จะมีจุดเด่นในเรื่องของ 'คุณภาพสินทรัพย์' แล้ว ยังมีจุดเด่นในเรื่องของ 'ทำเล' ที่ตั้งอีกด้วย เพราะ 'โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน' เป็นทำเลยุทธศาสตร์สำคัญของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ทั้งทางบก ทางอากาศและทางน้ำอยู่ใกล้ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรีและมอเตอร์เวย์ ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 17 กิโลเมตร สนามบินดอนเมือง 60 กิโลเมตร ท่าเรือกรุงเทพ 23 กิโลเมตร ท่าเรือแหลมฉบัง 90 กิโลเมตร และอยู่ไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC) อีกด้วย

มองอุตสาหกรรม "คลังสินค้าและโรงงาน" ในไทย...รับอานิสสงส์ 'เทรดวอร์'

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนด้าน 'สงครามการค้า' ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ส่งให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องบริหารความเสี่ยงด้วยการกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น จึงเชื่อว่าไทยจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เนื่องจากอยู่ในทำเลศูนย์กลางของภูมิภาคนี้และมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยรองรับ

"ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 อัตราการเช่าพื้นที่ของเราไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหลังเกิด COVID-19 ก็ประเมินว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเรามากนัก เนื่องจากผู้เช่าช่วงพื้นที่รายย่อยที่มีศักยภาพทางธุรกิจ ทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติ และยังกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ธุรกิจการผลิตเยื่อและกระดาษ อุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมรีไซเคิล ธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์"

ชูยีลด์ปีแรกสูงถึง 11.1%...สูงกว่าอุตสาหกรรมที่เฉลี่ย 6.3%

ฟาก "วิชญ ศิริรัตน์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ บอกถึง การจัดตั้ง 'กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT)' เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและอาคารบางส่วนใน 'โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน' นับจากวันที่จดทะเบียนสิทธิการเช่าช่วง ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 82 โดยภายหลังการเข้าลงทุนครั้งแรกกองทรัสต์ฯ จะแต่งตั้ง 'บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด' ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาและบริหารโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนกว่า 10 ปี เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ต่อไป


(วิชญ ศิริรัตน์)

โดยกองทรัสต์ฯ จะเข้าลงทุนใน 'สิทธิการเช่า' ที่ดินและอาคารคลังสินค้าและโรงงาน จำนวน 63 หลัง รวมทั้งสิ้น 185 ยูนิต ประกอบด้วย 1) อาคารคลังสินค้าสำเร็จรูป 21 หลัง จำนวน 100 ยูนิต 2) อาคารโรงงานสำเร็จรูป 30 หลัง จำนวน 30 ยูนิต 3) อาคารโรงงานสำเร็จรูปขนาดเล็ก 10 หลัง จำนวน 53 ยูนิต และ 4) อาคาร Built-to-Suit ที่สร้างตามความต้องการลูกค้า 2 หลัง จำนวน 2 ยูนิต รวมเนื้อที่ประมาณ 216-0-39 ไร่ มีพื้นที่อาคารให้เช่ารวมประมาณ 220,748 ตร.ม.

ซึ่งสินทรัพย์มีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ในระดับที่ดีมาตลอด โดยในปี 60 – 62 มีอัตราเช่าพื้นที่อยู่ที่ 88.7%, 96.4% และ 93.2% ของพื้นที่เช่าทั้งหมดตามลำดับ ส่วน ณ สิ้นไตรมาส 1/63 มีอัตราเช่าพื้นที่อยู่ที่ 93.7% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด

"ในส่วนของการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น เราประมาณการเงินจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรก (First Year Yield) ตามประมาณการงบกำไรขาดทุนตามสมมติฐานตั้งแต่ 1 ตุลาคม 63 ถึง 30 กันยายน 64 สอบทานโดยผู้ตรวจสอบบัญชี ที่อัตรา 1.112 บาทต่อหน่วย หรือ 11.1% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่เฉลี่ยอยู่ที่ 6.3%"

จ่อเคาะราคา-จองหน่วยลงทุน 'ต้นก.ค.' นี้...ตบเท้าเข้าเทรด 'ส.ค.63'

สุดท้าย "ไพบูลย์ นลินทรางกูร" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า 'PROSPECT' เป็นกองทรัสต์ที่มีความโดดเด่น เนื่องจากเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ มีทั้งอาคารคลังสินค้าและโรงงาน ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ผู้เช่าช่วงพื้นที่รายย่อยมีหลากหลายสัญชาติและประกอบกิจการในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยกองทรัสต์ฯ จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินครั้งแรก รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 'ไม่เกิน 3,738 ล้านบาท' ประกอบด้วยการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน วงเงินประมาณไม่เกิน 1,136 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะระดมทุนโดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์


(ไพบูลย์ นลินทรางกูร)

"ปัจจุบัน กองทรัสต์ฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ของ PROSPECT แก่สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และได้รับการนับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว เมื่อได้รับการพิจารณาอนุมัติและมีผลใช้บังคับจะดำเนินการเสนอขายหน่วยทรัสต์แก่นักลงทุน โดยคาดว่าจะเคาะราคาและจองซื้อหน่วยลงทุนได้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และนำหน่วยทรัสต์เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในเดือนสิงหาคมปีนี้"

ในยุคดอกเบี้ยต่ำและคงจะต่ำไปอีกนานเช่นนี้ นักลงทุนที่กำลังมองหาแหล่งลงทุนเพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอในระยะยาว หรือแม้แต่นักลงทุนที่ต้องการจะหลบออกจากความผันผวนของหุ้น มองหาแหล่งลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งการเติบโตของราคาและมีปันผลให้ในระหว่างทาง 'PROSPECT' น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

ที่มา: https://www.wealthythai.com

กลับหน้ารวมบทความ