สัดส่วนผู้ถือหน่วยใน REIT มีความสำคัญอย่างไร

หากนักลงทุนได้สำรวจรายชื่อผู้ถือหน่วยใน REIT
จะพบรายชื่อผู้ถือหน่วยหลากหลายกลุ่ม
ทั้งบริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย กองทุน กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนักลงทุนรายย่อย
และมักจะพบผู้ถือหน่วยที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินเดิม (Sponsor) ที่ถือเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ

สัดส่วนการถือครองหน่วยทรัสต์ จึงมีความสำคัญที่ต้องทราบ………….

เจ้าของทรัพย์สินเดิม (Sponsor) ขายทรัพย์สินเข้า REIT และมักจะกลับเข้ามาถือหน่วยในสัดส่วนที่มีนัยยะสำคัญต่อการลงคะแนนเสียง เพื่อมีส่วนร่วมสำคัญในการบริหารจัดการ REIT ผ่านการลงมติต่าง ๆ ในการประชุมผู้ถือหน่วย

บริษัทในเครือของ Sponsor ที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารอสังหาริมทรัพย์อยู่ จะรับจ้างเข้ามาช่วยบริหาร REIT ในนามผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager) และบริหารทรัพย์สินที่ REIT ลงทุน ในนามผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ (Property Manager)

เจ้าของทรัพย์สินเดิม (Sponsor) จึงมีส่วนสำคัญต่อการบริหารทรัพย์สินและสร้างการเติบโตให้กับ REIT โดยเฉพาะการนำทรัพย์สินที่มีอยู่ในมือเสนอขายให้ REIT และให้สิทธิในการปฎิเสธก่อนผู้เสนอซื้อรายอื่น รูปแบบนี้ จะเรียกว่า Sponsor REIT

ส่วนอีกรูปแบบนึง Independent REIT ถ้ามองไปยังสัดส่วนการถือหน่วย จะไม่มีเจ้าของทรัพย์สินเดิม (Sponsor) ถือหน่วยอยู่เลย หรือน้อยมาก ซึ่งจะทำให้ REIT นั้นมีอิสระ ไม่เกี่ยวโยงกับใคร บริหารงานได้อย่างอิสระ มีความโปร่งใสชัดเจน มีทางเลือกในการลงทุนในทรัพย์สินอื่น มีความคล่องตัวสูง แต่ก็มีข้อจำกัดและคำถามจากนักลงทุนที่ไม่คุ้นชินว่า การจัดการจะเป็นอย่างไร ใครจะบริหาร โอกาสเติบโตได้จากทางไหนได้บ้าง

เนื่องจากไม่มี Sponsor คอยสนับสนุน ทั้งในแง่ของทรัพย์สินที่จะเสนอขายเข้า REIT และความเชี่ยวชาญของทั้งผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริหาร REIT

ความแตกต่างของสัดส่วนผู้ถือหน่วยเหล่านี้ จึงมีส่วนสะท้อนไปยังนโยบายในการบริหารจัดการของ REIT ได้เช่นกัน

ในส่วนของ PROSPECT REIT หากมองจากสัดส่วนผู้ถือหน่วย ก็ถือว่าเป็น Sponsor REIT แต่มีนโยบายการลงทุนที่เป็นอิสระ โดยทางผู้จัดการกองทรัสต์มีนโยบายลงทุนได้ทั้งทรัพย์สินของเจ้าของทรัพย์สินเดิมและรายใหม่ เปิดกว้างให้เจ้าของทรัพย์สินนั้นๆ สามารถใช้ความเชี่ยวชาญในทรัพย์สินเดิมเข้ามาบริหารจัดการได้อย่างต่อเนื่องได้